โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร




ประวัติวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร


 
วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ทิศใต้ตลาดขวัญ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศตะวันตก (ฝั่งขวา) ที่ตำบลบางศรีเมือง อำเภอเมืองนนทบุรี มีเนื้อที่ประมาณ ๒๔ไร่ ๓งาน ๒๒ตารางวา แบ่งออกเป็น ๓เขต คือ เขตพุทธาวาส เขตสังฆาวาส และเขตนอกกำแพงใหญ่
.เขตพุทธาวาส   อยู่ทางด้านทิศใต้ของวัด มีกำแพงแก้วล้อมรอบทั้ง ๔ ด้าน ภายในประกอบด้วย พระวิหาร พระอุโบสถ พระเจดีย์ และการเปรียญหลวง
.เขตสังฆาวาส   อยู่ทางด้านทิศเหนือของวัด แบ่งเป็น ๒ส่วน ส่วนเจ้าอาวาส มีกุฏิเรือนรับรองแขก ห้องทำงานแล้วโรงรถ เรือนครัว และห้องสุขา ทุกหลังเป็นทรงไทยคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนพระภิกษุทั่วไป มีกุฏิทรงไทยไม้สัก ๑๖หลัง สำนักงานวัด น้ำตกเฉลิมราช โรงเก็บรถ โรงอาหาร
.เขตนอกกำแพงใหญ่   ด้านตะวันออกมีศาลาแดงเหนือ ศาลาแดงใต้ และศาลาท่าน้ำ ด้านเหนือ มีศาลาการเปรียญ เรือนพัสดุ และโรงครัว ด้านตะวันตกมีหอประชุม โรงเรียนพระปริยัติธรรม ฌาปนสถาน ศาลาบำเพ็ญกุศล ที่บรรจุอัฐิ
นนทบุรีในอดีต

เป็นเมืองเก่าแก่นับตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมชื่อว่าบ้านตลาดขวัญ ได้ยกฐานะเป็นเมืองนนทบุรี เมื่อ พ.ศ.๒o๔๒ ในรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิบ้านตลาดขวัญเป็นดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ และเป็นสวนผลไม้ที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งในสมัยอยุธยา และยังมีดินแดนทางตอนใต้ของตลาดขวัญ ชื่อว่า ตลาดแก้ว ซึ่งเข้าใจว่าคงมีความสำคัญ คู่กับตลาดขวัญมานาน แต่ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าตลาดแก้วตั้งอยู่ตรงไหน แต่เข้าใจว่าอยู่แถววัดปากน้ำ ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรีขึ้นไป


  ภูมิสถานเดิมก่อนสร้างวัด
เข้าใจว่าสมัยกรุงศรีอยุธยา ทางการได้สร้างป้อมไม้เอาไว้ ป้อมทางขวามือเรียกป้อมแก้ว และป้อมทางซ้ายมือเรียกป้อมทับทิม  เข้าใจว่าป้อมแก้วตั้งอยู่ ณ บริเวณตลาดแก้ว  และป้อมทับทิมตั้งอยู่ ณ บริเวณหน้าวัดเฉลิมพระเกียรติ และในเวลาต่อมาบริเวณป้อมทับทิมแห่งนี้กลายเป็นนิวาสสถานแห่งพระอัยการของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระชนกของสมเด็จพระศรีสุลาไลย มีนามว่าบุญจัน ได้ทำราชการแผ่นดินเป็นที่พระยานนทบุรีศรีอุทยาน ตั้งเคหสถานอยู่ในที่ซึ่งใต้ทรงสถาปนาเป็น                                   วัดเฉลิมพระเกียรติ เมืองนนทบุรี เมื่อพระชนกจันได้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีแล้วไปตั้งเคหสถานอยู่ ณ จังหวัดนั้น สืบสกุลต่อมาฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า สกุลเมืองนนท์ ภายหลังในตำบลนั้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างพระอารามถวายสมเด็จพระศรีสุลาไลย พระบรมราชชนนี อันมีนามปรากฏว่า วัดเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นเครื่องหมายสำคัญอยู่ในทุกวันนี้
มูลเหตุการณ์สร้างวัด
เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระราชชนนีแห่งพระองค์ท่านขึ้นเป็นกรมสมเด็จพระศรสุลาไลย ต่อมาพระองค์ทรงพระราชดำริว่า บริเวณป้อมเก่าริมฝั่งตะวันตก แม่น้ำเจ้าพระยาใต้ตลาดขวัญ เมืองนนทบุรีเป็นนิวาสสถานเดิมแห่งพระอัยกา พระอัยกีของพระองค์ และเป็นสถานที่ประสูติของสมเด็จพระศรีสุลาไลย พระราชชนนีพันปีหลวง สมควรจะสถาปนาเป็นพระอารามหลวงสักแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระอัยกา พระอัยกี และสมเด็จพระราชชนนีแห่งพระองค์ จึงโปรดเกล้าฯให้พระยาพระคลัง (ดิศ บุญนาค) ตำแหน่งที่สมุนพระกลาโหมเป็นแม่กลองขึ้นสร้างวัดในบริเวณนั้น เมื่อพ.ศ. ๒๓๙o และโปรดฯให้สร้างกำแพงก่ออิฐถือปูน รอบวัดมีฝบเสมาทำนองเดียวกับกำแพงพระบรมมหาราชวัง และสร้างป้อมปราการก่ออิฐถือปูน มุมกำแพง ๔ป้อม ต่อมารัชกาลที่ ๙  พระราชทานนามพระอารามแห่งนี้ว่า วัดเฉลิมพระเกียรติ
 
 ความสำคัญของวัด
เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสร้างวัดเฉลิมพระเกียรติพระองค์ก็ได้ทรงสร้างป้อมปราการเป็นทำนองเดียวกับกำแพงพระบรมมหาราชวัง  และป้อมปราการแห่งนี้ ต่อมาปรากฏว่าได้เป็นที่พักกองทัพและประกอบพิธีกรรมในการยกทัพไปทางเหนือหลายคราว มีอยู่ ๔ คราว คือ
๑.ในพ.ศ.๒๓๔๕      รัชกาลที่ ๔ เมื่อกรมหลวงวงศาธิราชยกทัพไปตีเมืองเชียงตุง ได้เสร็จมาพักพลรอรับการเสด็จพระราชดำเนินมาส่ง ณ วัดนี้
๒.ในพ.ศ.๒๔๑๘     รัชกาลที่ ๕ เมื่อเจ้าพระยาภูชราภัย (นุช บุญยรัตพันธ์) ยกทัพไปปราบฮ่อได้เคลื่อนขบวนทัพออกจากกรุงเทพฯ มาพักพลเปลี่ยนทัพใหม่ที่วัดแห่งนี้
๓.ในพ.ศ.๒๔๒๘   เมื่อเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) ครั้งยังเป็นเจ้าหมื่นไวยวรนาถ ยกทัพไปปราบฮ่อก็ได้ขึ้นมาพักพลที่วัดนี้
๔.ในพ.ศ.๒๔๓o    เจ้าสุรศักดิ์มนตรี ได้ยกทัพไปปราบฮ่ออีกครั้งหนึ่งและได้พักพลที่วัดเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้เช่นกัน
 
ปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุ ที่สำคัญ

 
 ๑.พระประธานในพระอุโบสถ
พระประธานในพระอุโบสถวัดเฉลิมพระเกียรติเป็นปางมารวิชัยหล่อด้วยทองแดงทั้งองค์ หน้าตักกว้าง ๖ คอก สูงจรดพระเศียร ๘ คอก ๑ คืบ ๔ นิ้ว พระประธานองค์นี้ มีตำนานเล่าว่าเมื่อในรัชกาลที่ ๓ โปรดฯให้ขุดแร่ทองแดง ที่อำเภอจันทึก แขวงนครราชศรีมา ได้ถลุงแร่เป็นเนื้อทองแดงมามากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์จะใช้ทองแดงนั้นให้เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่พระศาสนาก่อน  จึงโปรดฯ ให้หล่อพระพุทธรูป ซึ่งประดิษฐานเป็นพระประธานอาราม ซึ่งทรงสร้างใหม่ ๒ พระอาราม คือ วัดราชนัดดาราม กับ วัดเฉลิมพระเกียรติ และยังได้โปรดฯให้หล่อพระพุทธรูปปางอื่นอีก ๓๔ ปางด้วย พระประธานนี้หล่อเสร็จเรียบร้อย เมื่อ พ.ศ.๒๓๘๙ โดยนำไปประดิษฐานที่วัดชนัดดาราม องค์หนึ่ง และนำไปประดิษฐานที่วัดเฉลิมพระเกียรติองค์หนึ่ง เฉพาะที่วัดเฉลิมพระเกียรติ ถึงรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถวายพระนามว่า พระพุทธมหาโลกาภินันนทปฏิมา
       



 ๒.พระอุโบสถ
พระอุโบสถ วัดเฉลิมพระเกียรติ มีความกว้าง ๒๖ เมตร ยาว ๔๐ เมตร ตั้งอยู่ระหว่างศาลาการเปรียญและพระวิหารหลวง มีกำแพงแก้วล้อมรอบ (รวมทั้งพระเจดีย์ทางด้านทิศตะวันตกด้วย) ด้านเหนือและด้านใต้ยาวด้านละ ๑๐๐ เมตร ด้านตะวันออกและตะวันตกยาวด้านละ ๔๕ เมตร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาพระคลังขึ้นไปเป็นแม่กองจัดการก่อสร้างกำหนดฤกษ์ก่อสร้างพระอุโบสถในวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๑ ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๓๔๐ ปีมะแม เวลา ๑ โมงเช้ากับ ๔ บาท



 
พระอุโบสถหลังนี้มีความสวยงามมาก สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยปนจีนกล่าวคือหลังคามุงด้วยกระเบี้ยงรางดินเผาชนิดกาบกล้วยไม่เคลือบสีถือปูนทับแนวทำเป็นลอนลูกฟูกแบบจีน หน้าบันทั้งทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกประดับด้วยกระเบี้องเคลือบสีสดจากประเทศจีน ปั้นและประดับตกแต่งสีให้เป็นรูปใบและดอกพุดตานขนาดโตเห็นได้ชัดเจน สวยงามมาก ส่วนกระจังฐานพระ ช่อฟ้า ลำยอง ใบระกาละหัวนาค ปั้นทำเป็นกระเบี้ยงหน้าวัวดินเผา ผนังภายในพระอุโบสถ เขียนตกแต่งลายสีชนิดดอกไม้ร่วง บานหน้าต่างและบานประตูเขียนลายทองรดน้ำ ซุ้มประตูและซุ้มหน้าต่างประดับลายปูนปั้นยกดอก เป็นดอกพุดตาน พื้นประดับกระจก ส่วนด้านในของบานประตูหน้าต่างเขียนรูปกอบัว ดอกบัวนก และสัตว์น้ำ ฐานพระอุโบสถ เป็นฐานสิงห์ก่ออิฐถือปูน บันไดและขั้นบันไดปูด้วยศิลาทรายสีเขียว ชั้นทักษิณรอบพระอุโบสถทำเป็นฐานปัทม์ก่ออิฐถือปูน ปูกระเบี้ยงซีเมนต์ ผนังทักษิณด้านนอกประดับลูกกรงเคลือบแบบจีน ด้านในทำลูกกรงเจาะช่องเสาลอย สองข้างบันไดตรงพนักเชื่อมกับเสา ทำเป็นเสาประทีปแปดเหลี่ยมแทนเสาเม็ดมุมฐานทักษิณ และช่องกลางฐานทักษิณทำเป็นย่อเก็จก่อเป็นเรือนซุ้มเสมากับพนักทักษิณ บันไดชั้นทักษิณทำชั้นด้วยศิลาเขียวเช่นเดียวกับบันไดขึ้นพระอุโบสถ
      
๓.พระวิหารหลวง
พระวิหารหลวง วัดเฉลิมพระเกียรติ มักเรียกกันว่า วิหารพระศิลาขาว อยู่ทางด้านทิศใต้ของพระอุโบสถ มีกำแพงแก้วล้อมรอบต่อจากพระอุโบสถอีกชั้นหนึ่ง พระวิหารหลังนี้มีความกว้าง ๑๕ เมตร ยาว ๒๔ เมตร รวมเนื้อที่ทั้งหมด ๓๖๐ ตารางเมตร กำแพงทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ ยาวด้านละ ๓๕ เมตร ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกยาวด้านละ ๒๘ เมตร วิหารพระศิลาขาวสร้างด้วยอิฐถือปูนเป็นสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับพระอุโบสถ



       
๔.การเปรียญหลวง
การเปรียญหลวง วัดเฉลิมพระเกียรติ อยู่ทางด้านทิศเหนือของพระอุโบสถติดกับเขตสังฆาวาส มีกำแพงแก้วล้อมรอบต่อจากพระอุโบสถเช่นเดียวกับพระวิหารหลวง การเปรียญหลวง มีความกว้าง ๑๖ เมตร ยาว ๒๔ เมตร กำแพงแก้วทางด้านทิศเหนือและใต้ยาวด้านละ ๓๕ เมตร ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกยาวด้านละ ๒๘ เมตร การเปรียญหลวงหลังนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับพระวิหารหลวงและพระอุโบสถ ภายในประดิษฐาน พระปฏิมาชัยวัฒน์
    
๕.พระศิลา
พระศิลาขาว ประดิษฐานเป็นประธานอยู่ ณ บุษบกในพระวิหาร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดหน้าตัก ๓๑ นิ้ว สูงตลอดยอดรัศมี ๓๓ นิ้ว ตามหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดให้เชิญมาประดิษฐานไว้ ณ พระอารามนี้ เมื่อปี พ..๒๔๐๑ พร้อมด้วยพระอัครสาวกซ้ายขวาเป็นพระศิลานั่งพับเพียบส่วนกว้าง ๑๑ นิ้ว ส่วนสูง ๑๓ นิ้ว


 
 ๖.พระเจดีย์
พระเจดีย์ วัดเฉลิมพระเกียรติ เป็นพระเจดีย์แบบลังกา องค์เจดีย์เป็นรูปทรงกลมมีฐานแปดเหลี่ยม ๒ ชั้น ฐานกว้างทั้งหมด ๓๐ เมตร สูงจากพื้นถึงยอดประมาณ ๔๕ เมตร พระเจดีย์องค์นี้อยู่ทางด้านหลัง(ทิศตะวันตก)ในเขตแนวกำแพงแก้วเดียวกันกับพระอุโบสถ ตามหลักฐานที่ปรากฎเข้าใจว่าเจดีย์องค์นี้สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว   และได้รับการบูรณะสร้างต่อในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ดังปรากฎในพระราชพงศาวดาร รัชกาลที่๔ ว่า ครั้งสิ้นแผ่นดิน การวัดนั้นยังค้างอยู่บ้างเล็กน้อยจึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ มหาโกษาธิบดี จ้างช่างไปเขียนผนังพระอุโบสถพิหารการเปรียญ และเขียนเพดานประตูหน้าต่างเขียนเป็นลายรดน้ำมีปราสาทตราแผ่นดิน และเขียนเป็นดวงจันทร์เต็มบริบูรณ์ คือ พระชนกชนมีของสมเด็จพระศรีสุลาไลย ท่านทรงพระนามว่า เพ็งองค์ ๑ จันทร์องค์ ๑ เบี้องต่ำเขียนเป็นเครื่องยศ หญิงบาน ๑ ชายบาน ๑ คือท่านผู้ได้เป็นผู้ว่าราชการเมืองนนทบุรี แล้วให้แก้ไขพระเจดีย์ เสียใหม่ให้ต้องตามแบบอย่างกรุงเก่าแล้วถวายนามประธานว่า พระพุทธมหาโลกาภินันทปฏิมา



 
    ๗.กำแพงแก้ว
กำแพงแก้ว กั้นเขตพุทธาวาสวัดเฉลิมพระเฉลิมพระเกียรติ แบ่งออกเป็น ๓ เขต คือทำล้อมเขตพระอุโบสถและพระเจดีย์เขตหนึ่ง ทำล้อมศาลาการเปรียญเขตหนึ่ง กำแพงแก้วเหล่านี้มีลักษณะพิเศษ คือตอนล่างก่อเป็นกำแพงช่องเสาทึบล้อมบัวจัดจังหวะเป็นช่องเสาลอยติดต่อสือเนื่องกันเป็นกำแพง เหนือกำแพงภายในช่องเสาทำเป็นลูกกรงปูนโปร่งและลายลูกกรงทำเป็นลูกลายแก้วชิงดวง กำแพงแก้วก่อหนา ๐.๔๐  เมตร สูง ๒ เมตร มีความยาวรวมทั้งหมด ๔๕๘ เมตร เนื้อผิวกำแพงแก้วทั้งหมดประมาณ ๒,๔๗๓ ตารางเมตร มีสิ่งก่อสร้างประกอบอยู่กับกำแพงแก้วหลายอย่าง คือ
-          ซุ้มประตูที่ประกอบกำแพงแก้วทั้งหมด ๘ ช่อง
-          พระเจดีย์มุมกำแพงแก้ว ด้านหน้าพระอุโบสถ ๒ องค์
-          ศาลาโถง ตรงทางเข้าพระอุโบสถ ๒ องค์
-          หอกลอง-หอระฆัง มุมกำแพงแก้วด้านขวาด้านหน้าพระวิหารศิลาขาว ๑ หลังและด้านซ้ายหน้าการเปรียญหลวง ๑ หลัง
 

๘.กำแพงใหญ่หน้าวัด
กำแพงใหญ่หน้าวัดเฉลิมพระเกียรติเป็นกำแพงก่ออิฐถือปูน มีใบเสมาเหมือนกำแพงพระบรมมหาราชวังสูง ๒.๗๐ เมตร หนา ๐.๘ เมตร และยาว ๑๕๙ เมตร เดิมพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างไว้เป็นรูปสี่เหลี่ยมล้อมรอบวัด ตามมุมกำแพงจะมีป้อมทั้ง ๔ ด้าน ส่วนประตูกำแพงด้านหน้าวัดได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากสภาพเดิมในสมัยพระครูปรีชาเฉลิม (แฉ่ง) เจ้าอาวาสองค์ที่ ๓


 
    ๙.ศาลาแดงเหนือ ศาลาแดงใต้
ศาลาแดงเหนือ และศาลาแดงใต้ ตั้งอยู่ด้านหน้ากำแพงใหญ่ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นศาลาโถงแบบทรงไทยขนาดเท่ากันกว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๖.๕๐ เมตร ใช้เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจของพุทธศาสนิกชนที่มาทำบุญ และเป็นสถานที่อบรม ประชาชนตามโครงการเผยแพร่พระพุทธศาสนาของวัดอีกด้วย อาคาร ๒ หลังนี้สร้างด้วยไม้หลังคามุงกระเบี้ยงดินเผา
   
 ๑๐.พระศรีมหาโพธิ์
อยู่ด้านหลังพระวิหารเข้าใจว่าเป็นต้นโพธิ์พันธุ์พุทธคยาท่ได้มาในรัชกาลที่ ๔ โดยพระปรีชาเฉลิม (เกษ) เจ้าอาวาสองค์แรก ได้รับพระราชทานมาปลูกไว้ เมื่อปีมะโรง สัมฤทธิ์ศก เดือน ๙
นอกจากปูชนียสถานต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วนี้วัดเฉลิมพระเกียรติยังมีถาวรวัตถุ ที่สำคัญอีกหลายอย่าง เช่น   
๑.พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับอนุสรณ์งานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษหนึ่งจบ (๔๕ เล่ม)
๒.ธรรมาสน์ลายทอง สังเค็ดในงามบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
๓.ธรรมาสน์กับหนังสือพระปาฏิโมกข์สมุดไทย พร้อมด้วยตู้ ๑ ชุด สังเค็ดในงานพระบรมศพสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์
๔.เทียนสลัก พร้อมด้วยตู้ ๑ ชุด ลายทอง สังเค็ดในงานพระบรมศพสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครราชสีมา
   
    ๑๑.อุทยานวังมัจฉา
สถานที่ แม่น้ำเจ้าพระยาริมเขื่อนหน้าวัด โครงการอนุรักษ์ปลาหน้าวัด เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฉลองสิริราชย์สมบัติครบ ๕๐ ปี กรมประมงจัดเป็นสถานที่ทำทานให้อาหารปลาพักผ่อนหย่อนใจ ชมใจทิวทัศน์ ดื่มด่ำกับอากาศที่สดชื่นริมน้ำ ภูมิทัศน์สบายตา สำหรับบุคคลทั่วไปผู้ให้เกียรติมาเยือนวัดเฉลิมพระเกียรติภายใต้ร่มเงาไม้อันร่มเย็นเป็นธรรมชาติ





  ๑๒.อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก
อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี โดยกรมธนารักษ์เป็นผู้จัดสร้างขึ้นด้วยงบประมาณ 900 ล้านบาท
สถานที่ตั้ง : ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดกับวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร บนเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ( ซอยเฉลิมพระเกียรติ 13 หรือทางเข้าท่าเทียบเรือวัดเฉลิมพระเกียรติ )
จุดประสงค์เพื่อเป็นที่พักผ่อนของประชาชน และเป็นศูนย์รวมพันธุ์ไม้น้ำ ไม้ชายน้ำ พืชสวน และสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ
ภายในอุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก ประกอบด้วยอาคารที่มีความสวยสดงดงามอยู่มากมาย และหนึ่งในอาคารที่เป็นจุดเด่น คือ วิมานสราญนวมินทร์ ซึ่งเป็นพลับพลาโถงเครื่องยอดแหลม ตั้งอยู่กลางสระน้ำ ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาลดชั้นยอดแหลมทรงมณฑป ประดับฉัตรสามชั้นสัญลักษณ์แสดงเครื่องยศของประเภทอาคารชั้นสูง
 








เกียรติบัตร
        พ.ศ. ๒๕๓๑                     วัดพัฒนาตัวอย่าง กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ
        พ.ศ.๒๕๓๖                      รางวัลอนุรักษ์อาคารดีเด่น สมาคมสถาปนิกสยาม
        พ.ศ.๒๕๓๘                      วัดอุทยานการศึกษา กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ
 
 
                                        
                                                การเดินทาง

รถยนต์ เข้าไปตามถนนบางกรวย-ไทรน้อยแล้วเลี้ยวเข้าท่าน้ำนนทบุรี(ฝั่งธนบุรี) จะมีป้ายบอกทางตลอด หากมาจากฝั่งกรุงเทพฯข้ามสะพานพระราม 5 แล้วแยกเข้าถนนบางกรวย–ไทรน้อย หรือข้ามจากสะพานพระนั่งเกล้า ถึงแยกบางพลู เลี้ยวซ้ายผ่านวัดสวนแก้ว ขับไปตามทางมีป้ายบอกทางเช่นกัน

เรือ นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาไปยังท่าน้ำนนทบุรีแล้วลงเรือหางยาวประจำเส้นทางไปคลองบางใหญ่ ออกจากท่าน้ำนนทบุรีทุก 20 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 นาที

รถโดยสารประจำทาง ขึ้นรถโดยสารประจำทางหรือรถสองแถวจากท่าน้ำนนทบุรี (ฝั่งธนบุรี) สายวัดเฉลิมพระเกียรติ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 



















 

1 ความคิดเห็น:

  1. วัดนี้สวยมากค่า เคยไปแล้ว แต่เสียดาย ป้ายบอกทางไม่ค่อยชัดเจน หายากหน่อย เกือบหลงเลยค่ะ ครั้งแรกที่ไป 55555

    ตอบลบ